ตู้แช่แข็งมีการตั้งค่าอุณหภูมิที่ต่ำกว่าตู้แช่เย็น ทำให้สามารถเก็บรักษาอาหารและเครื่องดื่มในระยะยาวได้ดีขึ้น โดยทั่วไปอุณหภูมิของตู้แช่แข็งจะอยู่ที่ -18°C หรือต่ำกว่า ในขณะที่ตู้แช่เย็นมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 0°C ถึง 4°C ซึ่งเหมาะสำหรับการเก็บรักษาอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องการอุณหภูมิที่เย็นแต่ไม่ถึงขั้นแช่แข็ง

ตู้แช่แข็งแนวนอน (Chest Freezer) มักประหยัดพลังงานได้ดีกว่าตู้แช่แข็งแนวตั้ง เนื่องจากการเปิดฝาด้านบนทำให้ความเย็นไม่หลุดออกมากเท่ากับการเปิดประตูด้านหน้า นอกจากนี้ ควรเลือกตู้แช่ที่มีฉลากประหยัดพลังงานและมีระบบควบคุมอุณหภูมิที่มีประสิทธิภาพ

สำหรับการเก็บรักษาอาหารในระยะยาว ควรตั้งอุณหภูมิตู้แช่แข็งไว้ที่ -18°C หรือต่ำกว่า อุณหภูมินี้จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและรักษาคุณภาพของอาหารได้นานขึ้น

ตู้แช่แข็งที่มีระบบป้องกันน้ำแข็งเกาะ (Frost-Free) ใช้พัดลมและฮีตเตอร์ในการป้องกันการก่อตัวของน้ำแข็งภายในตู้ ซึ่งทำให้ไม่ต้องละลายน้ำแข็งด้วยตัวเอง ระบบนี้ช่วยประหยัดเวลาในการดูแลรักษาและทำให้ตู้แช่แข็งทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การคำนวณขนาดตู้แช่หมายถึงกระบวนการวัดและคำนวณปริมาตรภายในของตู้แช่เพื่อให้แน่ใจว่าตู้แช่มีขนาดที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาสินค้าที่ต้องการ ความจุของตู้แช่สามารถวัดได้ทั้งในหน่วยลูกบาศก์ฟุต (cubic feet) และลิตร (liters) โดยการคำนวณนี้จะช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อตู้แช่ที่ตอบสนองความต้องการในการเก็บรักษาสินค้าและประหยัดพื้นที่ใช้งาน

การคำนวณปริมาณสินค้าที่ต้องการแช่

ทำการคำนวณปริมาณสินค้าที่ต้องการแช่ โดยประมาณปริมาตรของสินค้าและพื้นที่ที่ต้องการจัดเก็บ

ตัวอย่างการคำนวณ

สมมติว่าต้องการซื้อตู้แช่สำหรับเก็บสินค้าในร้านค้า และพื้นที่ที่วัดได้มีขนาด 2 เมตร (200 ซม.) x 1 เมตร (100 ซม.) x 0.8 เมตร (80 ซม.)

ขั้นตอนที่ 1: แปลงหน่วยเป็นเซนติเมตร

• ความสูง = 200 ซม.
• ความกว้าง = 100 ซม.
• ความลึก = 80 ซม.

ขั้นตอนที่ 2: คำนวณความจุเป็นลิตร

$\text{ความจุ (ลิตร)}=200\text{ซม.}\times 100\text{ซม.}\times 80\text{ซม.}÷1000=1600\text{ลิตร}$

ดังนั้น ตู้แช่ที่เหมาะสมควรมีความจุประมาณ 1600 ลิตร เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการจัดเก็บสินค้า