Shop

Product category

เลือกหมวดหมู่ตู้แช่

ตู้แช่แสตนเลส
ตู้แช่ไวน์
ตู้แช่ 2-3 ประตู
ตู้แช่ MINI BAR
ตู้แช่ No frost
ตู้แช่ไอศครีม
ตู้แช่ Inverter
ตู้แช่เค้ก
1 2 3 13

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตู้แช่ (FAQ)

– ตู้แช่ No Frost คือตู้แช่แข็งที่ “ไร้น้ำแข็งเกาะผนังรอบตู้” 100%
ระบบ No Frost ของ FRESHER จะดูดความชื้นอันเป็นต้นเหตุของน้ำแข็งเกาะ ออกไประบายข้างนอก
เนื่องจากว่าน้ำแข็งเกาะผนังรอบตู้ นอกจากจะทำให้เกิดสิ่งสกปรก และลดพื้นที่ภายในตู้แล้ว ยังทำให้ตู้ทำงานหนักมากขึ้น
เพื่อให้ไปถึงอุณหภูมิที่เราต้องการ ค่าไฟก็จะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

ใครบอกว่าเพิ่มระบบแล้วใช้ไฟมากกว่า? ตู้แช่ No Frost กลับประหยัดไฟมากกว่าตู้แช่ทั่วไป 30% !!
และยังสามารถทำอุณหภูมิลดลงไปได้มากถึง -30˚ อีกด้วย

เราพัฒนาระบบ No Frost ขึ้นมาจากปัญหาของลูกค้าธุรกิจที่ต้องเปิดตู้แช่แข็งบ่อยมากๆ
และพนักงานต้องใช้เวลาในการ “เลาะน้ำแข็งออก” เพื่อเติมสินค้าเข้าไปในตู้

ต้องบอกเลยว่าตู้ No Frost ตอบโจทย์ในการใช้งานของลูกค้าในทุกๆแง่อย่างชัดเจน

– stainless grade 304 หรือเรียกง่ายๆว่า “food grade” ซึ่งจะเป็นวัสดุที่ไม่ดูดซึมสาร กลิ่น และรสชาติของอาหาร
ทนทานต่อการสึกกร่อน ไม่เป็นสนิม นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติไม่ให้แบคทีเรียมาเกาะอีกด้วย

FRESHER ใช้ stainless 304 “ทั้งตัว” และหนากว่ายี่ห้อทั่วไป ไปจนถึงถาดใส่อาหาร ไม่ว่าลูกค้าจะใช้เพื่อแช่สินค้าเฉยๆ หรือทำอาหารบน counter
ก็ไม่ต้องกังวล วัสดุนี้ยังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายและนำไปรีไซเคิลได้ด้วยอีกนะ!

(-8˚) คืออุณหภูมิที่ถูกต้องในการทำให้เครื่องดื่มเย็นเป็นวุ้น ในระยะเวลา 8 ชั่วโมง แต่ปัญหาใหญ่จริงๆของการแช่สินค้าให้เย็น เป็นวุ้นคือ “ขวดแตก” จากการที่ขวดกระทบกันจนแก๊สในขวดทะลักออกมา

FRESHER จึงคิดค้นตะกร้าแบบพิเศษ สามารถบรรจุขวดได้อย่างเต็มพื้นที่ โดยที่ขวดไม่ชนกัน และหยิบออกมาใช้งานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

ต้องตั้งห่างจากผนังอย่างน้อย 15 เซนติเมตร รวมถึงไม่ควรตั้งใกล้เตาแก๊ส ตากแดด หรือพื้นที่ที่เกิดความร้อนได้ง่าย เนื่องจากว่า
ตู้แช่ต้องใช้พื้นที่ในการระบายความร้อนเพื่อไม่ให้ตู้แช่ทำงานหนักจนเกินไป

ควรเสียบปลั๊กและเปิดตู้แช่เพื่อทำความเย็น 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยก่อนแช่สินค้า
และไม่ควรใช้ปลั๊กพ่วงร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

ระวังพื้นที่ที่มีความชื้นหรือน้ำท่วมขังบริเวณปลั๊กไฟ เพื่อป้องกันอันตราย
แต่ในกรณีที่เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด ตู้แช่เครื่องดื่มของ FRESHER รุ่นใหม่มีระบบป้องกันไฟตก! ไฟกระชาก!
เครื่องจะสำรองไฟบางส่วนเอาไว้เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์เสียหาย

ตู้แช่และตู้เย็นบ้านต่างมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่าทั้งสองจะมีหน้าที่ในการเก็บรักษาอาหารหรือของสดให้คงสภาพอยู่ได้นานขึ้น มาดูความแตกต่างและข้อดีของตู้แช่เมื่อเทียบกับตู้เย็นบ้าน:

  1. อุณหภูมิในการเก็บรักษา

    • ตู้แช่: ทำงานที่อุณหภูมิที่ต่ำมาก มักจะต่ำกว่า -18°C ช่วยให้แช่แข็งอาหารได้ทันทีและยาวนานโดยไม่ทำให้คุณภาพของอาหารเสียหาย
    • ตู้เย็นบ้าน: มีอุณหภูมิประมาณ 2-8°C ในส่วนของช่องแช่เย็น และช่องแช่แข็งที่ประมาณ -18°C แต่ไม่ได้เน้นการแช่แข็งเป็นหลัก
  2. พื้นที่เก็บของ

    • ตู้แช่: มีพื้นที่เก็บอาหารแช่แข็งมากกว่า เหมาะสำหรับการเก็บของที่ต้องการแช่แข็งในปริมาณมาก เช่น เนื้อสัตว์ หรือสินค้าแช่แข็งต่างๆ
    • ตู้เย็นบ้าน: มีทั้งพื้นที่แช่เย็นและแช่แข็ง แต่ช่องแช่แข็งมักมีขนาดเล็กกว่า เหมาะสำหรับการใช้งานในครัวเรือนทั่วไป
  3. ประสิทธิภาพการทำความเย็น

    • ตู้แช่: ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในเรื่องของการแช่แข็งและการรักษาอุณหภูมิต่ำตลอดเวลา เหมาะสำหรับร้านค้าที่ต้องเก็บสินค้าจำนวนมาก
    • ตู้เย็นบ้าน: เน้นความสะดวกสบายในครัวเรือน อาจไม่สามารถเก็บของที่ต้องการอุณหภูมิต่ำได้มากนัก
  4. การใช้งานเฉพาะเจาะจง

    • ตู้แช่: เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ ร้านค้า หรือธุรกิจที่ต้องการเก็บของแช่แข็งในระยะยาว
    • ตู้เย็นบ้าน: เหมาะสำหรับการใช้งานในครัวเรือนที่เน้นเก็บอาหารสดและเครื่องดื่มเป็นหลัก
  5. การประหยัดพลังงาน

    • ตู้แช่: ใช้พลังงานมากกว่า เนื่องจากต้องรักษาอุณหภูมิที่ต่ำมาก
    • ตู้เย็นบ้าน: ใช้พลังงานน้อยกว่าเพราะไม่ต้องรักษาอุณหภูมิที่ต่ำมากตลอดเวลา

สรุปคือ ตู้แช่จะดีกว่าในเรื่องของการเก็บอาหารในระยะยาวและปริมาณมาก ส่วนตู้เย็นบ้านจะเน้นความสะดวกสบายในการใช้งานภายในครัวเรือนทั่วไปมากกว่า

ติดต่อฝ่ายขาย

โปรดกรอกข้อมูลของท่านลงในแบบฟอร์มด้านล่าง เราจะติดต่อกลับไป